Robin Yeats ผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา Greenside กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
James Tilden ครูชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนประถมศึกษา Greenside กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหม Robin: ผม Robin Yeats เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษา Greenside ครับ เราเป็นโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐซึ่งตั้งอยู่ที่ Shepard’s Bush ใจกลางกรุงลอนดอน เรามีนักเรียนทั้งหมด 228 คนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก และมีนักเรียนเกือบ 50% ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษารอง ซึ่งผมและ James Tilden ช่วยกันผลักดันการผสานเทคโนโลยี Apple เข้ามาใช้ในโรงเรียนของเรา
James: สวัสดีครับ ผม James Tilden เป็นครูสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่โรงเรียน Greenside ผมสอนที่นี่มาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2019 และเมื่อสองปีก่อน ผมได้รับตำแหน่งเป็นผู้นำด้าน ICT (สารสนเทศ การสื่อสารและเทคโนโลยี) ของที่นี่ครับ เนื่องจากที่ Greenside มีอุปกรณ์ iPad แบบ 1 ต่อ 1 ตำแหน่งนี้จึงไม่เพียงแต่ต้องมีการจัดการอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังต้องมีการผสานเทคโนโลยีเข้าไปในหลักสูตร และฝึกอบรมครูที่รู้สึกไม่มั่นใจในการใช้เทคโนโลยีมากนัก เพื่อค้นหาวิธีใหม่ๆ และสร้างสรรค์ในการใช้ iPad ในชั้นเรียน
เหตุใดความยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญในโรงเรียนของคุณ Robin: ที่โรงเรียน Greenside หนึ่งในพันธกิจหลักของเราคือการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวสู่โลกภายนอก และช่วยให้นักเรียนของเราเป็นพลเมืองและผู้นำแห่งอนาคตที่มีพลังเชิงบวก ความพร้อมที่จะก้าวสู่โลกภายนอกหมายถึงการที่นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีหลักการ เรียนรู้ว่าตนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อโลกได้อย่างไร รวมถึงมีพลังความมุ่งมั่นและความมั่นใจที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก นักเรียนเหล่านี้จะเป็นผู้ดูแลโลกในอนาคต ดังนั้น จึงเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องสร้างความมั่นใจว่า เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนเกี่ยวกับวิธีการดูแลโลกรวมถึงวิธีการดูแลตัวเองด้วย ผลงานด้านความยั่งยืนของเราส่วนมากก็คือการกระตุ้นให้นักเรียนรู้สึกว่า พวกเขาสามารถสร้างความแตกต่างในเชิงบวกได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม และประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจะสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้
หลักการของเราก็คือ ทุกสิ่งคือการเรียนรู้และการเรียนรู้คือทุกสิ่ง เรามีความมุ่งมั่นต่อเทคโนโลยีและการนำเทคโนโลยีไปผสานรวมกับทุกสิ่งที่เราทำ เราจึงมีการมอบ iPad แบบ 1 ต่อ 1 สำหรับชั้นเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ไปถึงถึงปีที่ 6 ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่ผสานรวมความยั่งยืนกับทุกสิ่งที่เราทำที่ Greenside ด้วยเช่นกัน อันที่จริงแล้ว ก้าวแรกสู่ความยั่งยืนของเราเกิดขึ้นจากไอเดียที่กล้าหาญของเราว่า เราจะดำเนินการระบบครัวของเราเอง คุณภาพอาหารจากผู้ให้บริการจัดหาอาหารท้องถิ่นค่อนข้างย่ำแย่ และหากเราไม่ยอมรับบทเรียนคณิตหรือภาษาอังกฤษที่ย่ำแย่ แล้วเหตุใดเราจึงต้องยอมรับอาหารเที่ยงที่ย่ำแย่ล่ะ เราจึงตัดสินใจที่จะควบคุมการทำครัวด้วยตนเอง และจัดหาผักสดตามฤดูกาลที่ปลูกในท้องถิ่นของสหราชอาณาจักร
และจากจุดนั้น การผสานความยั่งยืนเข้าไปในหลักสูตรก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องใช้การไตร่ตรองมากขึ้น รวมถึงความปรารถนาที่จะรวมสิ่งนั้นเข้ามาอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น ตอนแรกที่เราเริ่มระดมความคิดกัน เราดูหลักสูตรที่มีอยู่แล้วถามว่า "แง่มุมด้านความยั่งยืนคืออะไร" ในหลักสูตรไม่มีเวลาสำหรับการลองสิ่งใหม่ๆ แต่เราตัดสินใจที่จะผสานหน่วยการเรียนรู้ด้านภูมิศาสตร์เข้าไปสำหรับทุกชั้นปี ผ่านมุมมองด้านความยั่งยืนและการบริโภคอาหารและสินค้าแฟชั่น เราหยิบยกอาหารหลากหลายประเภท เช่น ข้าวและข้าวโพด และเน้นไปที่สถานที่ต่างๆ รอบโลกที่เป็นแหล่งเพาะปลูก เราสามารถที่จะบรรลุหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติด้านภูมิศาสตร์อย่างเช่นเขตสภาพอากาศและการใช้ที่ดินได้ แต่เราดำเนินผ่านมุมมองความยั่งยืนด้วยการถามนักเรียนว่า "อาหารเหล่านี้มีการเพาะปลูกอย่างไรและเพราะเหตุใด มีวิธีที่ดีกว่านี้ในการเพาะปลูกหรือไม่" เราไม่ได้กำหนดเวลาเพิ่มเพื่อที่จะ "สร้าง" ความยั่งยืน แต่เราได้ผสานรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานทางด้านภูมิศาสตร์ของเรา
ดังนั้น หากคุณมีความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน และต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักการของโรงเรียน คุณจะต้องทำให้ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ต่อรองไม่ได้ในทุกวิชาและทุกระดับชั้น
ดังนั้น หากคุณมีความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน และต้องการให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักการของโรงเรียน คุณจะต้องทำให้ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ ต่อรองไม่ได้ ในทุกวิชาและทุกระดับชั้น คราวนี้ เมื่อเราแจกจ่ายเอกสารแผนการให้แก่ครูในช่วงกลางเทอม ก็มีคำถามเกิดขึ้นว่า ความยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งในแผนของคุณได้อย่างไร เมื่อความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ต่อรองไม่ได้สำหรับครูทุกคน ความยั่งยืนก็จะค่อยๆ ได้รับการปลูกฝังอย่างช้าๆ แต่มั่นคง และตอนนี้ เราก็มาถึงจุดที่แทนที่เราจะต้องพูดว่า "คุณช่วยทำหน่อยได้ไหม" กลายเป็นครูของเราเองที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและพูดว่า "ฉันอยากทำเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉันขอทำได้ไหม" กลายเป็นการเปลี่ยนชุดความคิดไปเลย
James: ผมขอเสริมว่าความสำเร็จของการริเริ่มด้านความยั่งยืนของเราเกิดขึ้นจากการใช้พื้นที่ในโรงเรียนของเราด้วย ที่ Greenside เราทำกิจกรรมนอกห้องเรียนกันหลายอย่าง และกิจกรรมเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็คือการให้นักเรียนและสมาชิกชุมชนร่วมกันดูแลรักษาสวนของโรงเรียน เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว นักเรียนจะได้เก็บเกี่ยวผักที่พวกเขาปลูกมาในช่วงฤดูร้อน และได้นำผักเหล่านั้นไปที่ห้องครัวเพื่อนำไปประกอบอาหารกลางวัน
การทำเช่นนี้ช่วยให้นักเรียนมีความเข้าใจว่า การศึกษาไม่ได้เป็นเพียงแค่การเรียนตามตารางสอนเพียงอย่างเดียว แต่การศึกษาคือการออกไปใช้ชีวิตในโลกด้วย ซึ่งเป็นการคิดให้ไกลออกไปจากรั้วโรงเรียน และทำให้นักเรียนร่วมรับผิดชอบในการเลือกของตัวเองและเข้าใจความสำคัญของการศึกษา จนกระทั่งไม่จำเป็นต้องให้ครูอย่างเราๆ มาคอยชี้แนะอีกต่อไป
แล้วเทคโนโลยีช่วยส่งเสริมโครงการที่มุ่งเน้นความยั่งยืนของทางโรงเรียนได้อย่างไร Robin: เราต้องการให้โรงเรียนของเรามีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และมีการเรียนการสอนที่ล้ำหน้า เราต้องการที่จะเสี่ยงและลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งองค์ประกอบส่วนใหญ่ในการทำเช่นนั้นมักจะต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี สำหรับการใช้เทคโนโลยี Apple ในโรงเรียนนั้น เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า "วิธีใดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้นักเรียนของเรามีความคิดสร้างสรรค์และทำงานร่วมกันได้" เพราะเราทราบว่าอนาคตของนักเรียนจะต้องเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากเราไม่ผสานเทคโนโลยีเข้าไปในโลกของนักเรียน ก็จะส่งผลเสียต่อพันธกิจของเราในการทำให้นักเรียนมีความพร้อมที่จะก้าวสู่โลกภายนอก
วิธีหนึ่งที่เราผสานเทคโนโลยีเข้ากับชั้นเรียน คือการดำเนินการโครงการ Soil Project ของทั้งโรงเรียน เรามีการติดต่อกับเกษตรกรในคอร์นวอลล์ ที่มีไร่เพาะปลูกขนาดใหญ่ นักเรียนตระหนักว่าขณะที่เราพยายามหาวิธีที่จะเพาะปลูกผักที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในสวนของโรงเรียน เกษตรกรรายนี้ก็ตั้งคำถามเดียวกันนี้เกี่ยวกับดินและผลผลิตของตน เราจึง FaceTime หาเกษตรกรท่านนี้บน iPad จากสวนในโรงเรียนของเรา ขณะที่เขากำลังเดินอยู่กลางไร่เพาะปลูกของเขาที่คอร์นวอลล์ และนักเรียนก็ถามเขาเกี่ยวกับระดับค่า pH ในดินของเขา ทุกชั้นเรียนจะทำการทดสอบห้าถึงหกประเภทบนที่ดิน เพื่อที่จะติดตามผลงานของเราในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ เราจะ Airplay ผลการทดสอบที่ดำเนินการในสวนไปยังชั้นเรียนโดยใช้ iPad เพื่อให้ทุกคนได้เห็นแบบเรียลไทม์ นักเรียนจะนำข้อมูลไปกรอกในเอกสารที่ทำงานร่วมกัน เช่น สเปรดชีต Numbers หรือใน Google Docs เพื่อที่จะสร้างแผนภูมิการวิเคราะห์ความคืบหน้าด้านคุณภาพดินของเรา ความตั้งใจของเราคือการมอบประสบการณ์การตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ในโลกความเป็นจริงที่ขับเคลื่อนด้วยหลักปฏิบัติด้านความยั่งยืน ในขณะที่แฝงจุดประสงค์ที่จับต้องได้ด้วย นักเรียนปลูกผักที่จะนำไปประกอบเป็นอาหารกลางวันของตนเอง การได้เห็นเกษตรกรแล้วจากนั้นก็เชื่อมโยงผลงานกับอาหารบนจานของตนเอง ช่วยให้นักเรียนตระหนักว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่พวกเราในชั้นเรียนของพวกเขา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นการทำให้การเรียนรู้เป็นจริงขึ้นมาสำหรับนักเรียน
เทคโนโลยีที่เรามียังช่วยให้เราสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการบริโภคของโรงเรียนอีกด้วย เราตั้งคำถามกับตนเองว่าเราจะใช้ iPad และ AppleTV ในชั้นเรียนอย่างไรเพื่อลดการใช้กระดาษโดยรวม ซึ่งวิธีหนึ่งในการทำเรื่องนี้คือการสอบพีชคณิตรายสัปดาห์ที่ก่อนหน้านี้จะพิมพ์แจกเป็นกระดาษ แต่ในปัจจุบันเราจะส่งข้อสอบไปยัง iPad ของนักเรียน หรือสะท้อนหน้าจอบน AppleTV ทำให้เราประหยัดกระดาษได้ 228 แผ่นในทุกสัปดาห์ และยังมีสื่อดิจิทัลเหล่านั้นอีกสี่ถึงห้าแบบในทุกสัปดาห์อีกด้วย เราติดตามการใช้พลังงาน น้ำ และกระดาษของโรงเรียนเพื่อให้ครูและนักเรียนทราบ อีกทั้งมีทั้งการประหยัดทางการเงินและการประหยัดทางสิ่งแวดล้อมด้วย
James: เราใช้เทคโนโลยีของ Apple เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนบทเรียนใดๆ ก็ตามเป็นอันดับแรก จนกลายเป็นเครื่องมือการสอนที่ครูเลือกใช้เป็นอันดับแรก ซึ่งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่าการใช้กระดาษกองโตๆ ตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้ก็คือโครงการที่นักเรียนนำเสนอเรื่องความยั่งยืนผ่านภาพตัดปะ ซึ่งนักเรียนใช้แอปเพื่อสร้างศิลปะภาพตัดปะ และก็มีชิ้นงานหลายชิ้นที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่นำเอามาประดับอยู่ที่รั้วโรงเรียนของเรา เราสามารถจัดหานิตยสารและมอบหมายให้นักเรียนฉีกนิตยสารเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดายก็ได้ แต่การนำเสนอเรื่องความยั่งยืนโดยใช้ iPad นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า และเหมาะสมต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า
เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับพ็อดคาสท์ของโรงเรียนหน่อยสิ James: พ็อดคาสท์นี้มีชื่อว่า Radio Greenside ซึ่งอยู่บน Apple Podcasts นี่เป็นช่องพ็อดคาสท์อย่างเป็นทางการของเราที่เผยแพร่หลากหลายรายการ มีตอนพิเศษที่ชื่อว่า COP26 Special Report เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ซึ่งตอนนั้นทั้งโรงเรียนกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับ COP26 และความสำคัญของการที่รัฐบาลทั่วโลกร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แล้วผมก็เชิญชวนให้นักเรียนบางคนมาเรียนรู้วิธีการเป็นพิธีกรรายการพ็อดคาสท์สำหรับตอนพิเศษนั้น แล้วจากนั้นในเดือนเมษายนปี 2022 ก็มีตอนที่ชื่อว่า Sustainability of Food and Fashion ซึ่งต่อเนื่องจากการเรียนรู้ทางภูมิศาสตร์ที่ Robin กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ทุกสุดสัปดาห์ของหน่วยการเรียนรู้วิชาภูมิศาสตร์ ทุกคนตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 6 จะเขียนทบทวนความคิดในรูปแบบของสคริปต์พ็อดคาสท์ แล้วผมก็จะเลือกนักเรียนบางคนและช่วยนักเรียนปรับสคริปต์ รวมถึงฝึกซ้อมในช่วงท้ายของกลางเทอมนั้นด้วย เราอัดบันทึกบนอุปกรณ์ของเราและตัดต่อโดยใช้ GarageBand บน MacBook Air เราจึงได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายการพ็อดคาสท์ ซึ่งเป็นรายงานมัลติมีเดียที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน การนำไปเผยแพร่บน Apple Podcasts ช่วยให้นักเรียนมีแพลตฟอร์มระดับสากลในการแสดงออกถึงการเรียนรู้ของตนเอง รวมทั้งช่วยเสริมความมั่นใจในการแบ่งปันการเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโลก
81% ของเยาวชนในสหราชอาณาจักรบอกว่าตนต้องการมีส่วนร่วมมากกว่านี้ในการดูแลสิ่งแวดล้อม
81% ของเยาวชนในสหราชอาณาจักรบอกว่าตนต้องการ มีส่วนร่วมมากกว่านี้ ในการดูแลสิ่งแวดล้อม รายการส่วนใหญ่บนช่องเป็นจดหมายข่าวรายเดือนของโรงเรียนเรา ซึ่งผมเรียกว่า Radio Newsletters เราได้สรุปย่อจากจดหมายข่าวแบบ PDF และตอนนี้ก็มีหลายรายการที่นักเรียนนำมาทำเป็นเวอร์ชันพ็อดคาสท์ วิธีนี้จะทำให้นักเรียนสามารถแบ่งปันการเรียนรู้จากชั้นเรียน และแสดงสิ่งที่ตนได้เรียนรู้สู่ชุมชนของ Greenside ซึ่งเป็นการมอบความรับผิดชอบให้แก่นักเรียน และเป็นผลดีต่อการลดปริมาณงานของผู้ดูแลระบบอย่างเราด้วย
ความเปลี่ยนแปลงและการตอบสนองใดบ้างที่คุณเห็นจากพ็อดคาสท์และโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนอื่นๆ Robin: เราพยายามแสดงให้นักเรียนเห็นว่า นักเรียนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโลกได้ แม้จะมาจากจุดเล็กๆ ที่เรียกว่าโรงเรียนประถมศึกษา Greenside ก็ตาม หากคุณสามารถสร้างประโยชน์ได้จากจุดเล็กๆ เมื่อคุณก้าวสู่โลกภายนอกแล้ว การตัดสินใจของคุณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น หนึ่งในเรื่องโปรดของผมที่แสดงให้เห็นถึงประเด็นนี้ก็คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คนหนึ่งที่ติดต่อเข้ามาระหว่างอยู่ในรายการ Sustainability of Food and Fashion นักเรียนเล่าให้ฟังว่าตนเองกำลังช็อปปิ้งกับคุณแม่ที่กำลังจะซื้อเสื้อผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ แล้วเธอก็บอกกับผมว่า "หนูห้ามแม่ไม่ให้ซื้อเสื้อผ้าจนกว่าแม่จะได้ฟัง Radio Greenside ตอนล่าสุดที่หนูอยู่ในรายการด้วย เพราะเห็นได้ชัดเลยว่าแม่ยังไม่ได้ฟังตอนนั้น"
James: นั่นเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เราต้องการให้นักเรียนตระหนักก็คือตัวเองไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเรียน แต่ยังเป็นพลเมืองของโลกด้วย เพราะเสียงจากนักเรียนในพ็อดคาสท์ได้เผยแพร่ไปในระดับโลก ซึ่งผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าดูข้อมูลสถิติของเรา จะเห็นได้ว่าผู้รับฟังรายการของเรามาจากทั่วโลก เมื่อนักเรียนสามารถเขียนเนื้อหาสำหรับกลุ่มผู้ฟังนอกรั้วโรงเรียนได้ ก็จะช่วยมอบทักษะใหม่ๆ และแพลตฟอร์มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องความยั่งยืนในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างเช่นในรายการตอน COP26 ของเรา เทคโนโลยีอย่าง iPad ช่วยนักเรียนในการสำรวจองค์ประกอบต่างๆ ของโลก และพ็อดคาสท์ก็ช่วยให้นักเรียนแสดงสิ่งที่ตนกำลังเรียนรู้สู่โลกด้วยเช่นกัน วิสัยทัศน์ของเราคือการทำให้นักเรียนก้าวขึ้นมาทำพ็อดคาสท์ของตนเอง และนั่นก็เกิดขึ้นแล้ว นักเรียนบางส่วนที่มีความสนใจเป็นพิเศษด้านการอ่านก็รวมตัวกันและอาสาที่จะจัดรายการใหม่ชื่อว่า Greenside Bookworm Show
ซึ่งผู้ปกครองถูกใจรายการนี้มาก ข้อดีที่สำคัญหนึ่งประการของ Radio Newsletter ก็คือการฟังด้วยเสียงจะทำให้ผู้ปกครองบางท่านที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษารองนั้นเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายกว่า เมื่อสองวันก่อน ผมพบกับผู้ปกครองซึ่งทำงานอยู่ที่นี่ในห้องพนักงาน และเธอบอกผมว่าผู้ปกครองในห้องแชทกลุ่มแสดงความคิดเห็นกันว่าชื่นชอบตอนล่าสุดของ Radio Greenside และอยากฟังอีก ผมเคยไปเข้าร่วมการประชุมเพื่อเล่าเรื่องผลงานชิ้นนี้ และตอนนี้ผมก็กำลังพูดคุยกับโรงเรียนบางแห่งในลอนดอนตอนเหนือเกี่ยวกับวิธีที่โรงเรียนจะสามารถจัดรายการพ็อดคาสท์ของตนเองบ้าง
Robin: ส่วนในแง่มุมความยั่งยืนด้านอาหารของเรา ผลผลิตท้องถิ่นทั้งหมดที่เรามีและอาหารที่เราเพาะปลูกในสวนจะนำไปประกอบอาหารกลางวันที่โรงเรียน หรืออาหารกลางวันที่เราปรุงสำหรับสถานพักพิงผู้ไร้บ้านในท้องถิ่นในทุกวันศุกร์ ส่วนอื่นๆ ที่เหลือจะถูกนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อกลับมาใช้ในสวนของเรา นอกจากนี้เรายังขยายไปสู่ชุมชนที่ Greenside ด้วยการทำขนมปังในร้านอบขนมขนาดย่อมของเราในครัว โดยใช้ธัญพืชจากส่วนของเราหรือแป้งจากซัพพลายเออร์ออร์แกนิกของเราที่ใช้หลักปฏิบัติทางการเกษตรเชิงฟื้นฟู เราจะมีการขายขนมอบทุกวันศุกร์ ซึ่งเราจะอบขนมปังซาวร์โดและขนมปังอบเชยในครัวแล้วนำไปขายให้แก่ชุมชนในรูปแบบ "จ่ายเท่าที่คุณจ่ายได้" ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงอาหารคุณภาพดีที่ไม่ใช่อาหารในร้านของชำที่มีส่วนผสม 17 อย่าง แต่ขนมปังของเราประกอบไปด้วยแป้ง น้ำและยีสต์เท่านั้น ถึงจุดหนึ่งทุกคนใน Greenside ก็เริ่มอบขนมปัง แม้แต่ผู้ดูแลโรงเรียนของเราก็ทำยีสต์ธรรมชาติใช้เอง
เราได้ทำมื้ออาหาร 750 มื้อสำหรับคนไร้บ้านโดยใช้ผลผลิตส่วนเกินในช่วงปีการศึกษา 2021-2022
เราได้ทำมื้ออาหาร 750 มื้อ สำหรับคนไร้บ้านโดยใช้ผลผลิตส่วนเกินในช่วงปีการศึกษา 2021-2022 James: หากคุณเดินไปรอบๆ ในช่วงพักระหว่างคาบเรียนในวันศุกร์ คุณจะเห็นนักเรียนถือก้อนขนมปังซาวร์โดและทานขนมปังเปล่าๆ ผมคิดว่าปัจจุบันนักเรียนเล็งเห็นคุณค่าเป็นอย่างยิ่งในคุณภาพของอาหาร
คุณจะให้คำแนะนำใดแก่ผู้นำที่ต้องการเริ่มต้นขั้นตอนแรกในการให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนในโรงเรียน Robin: ทำให้ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต่อรองไม่ได้ เมื่อคุณแจกแจงค่านิยมจากระดับบนสุดลงมา ให้ถามว่าสิ่งใดที่คุณมุ่งมั่นเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน คุณเชื่อมั่นในสิ่งใดมากที่สุด จากนั้นก็ทำให้สิ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุกอย่างและเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ จากนั้นก็พิจารณาชุมชน บริบท พื้นที่ของคุณ แล้วตัดสินใจว่าสิ่งใดที่จะได้ผลสำหรับคุณ เราเลือกที่จะมุ่งเน้นเรื่องอาหาร แต่จุดเริ่มต้นของคุณควรเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณ บริบทและชุมชนของคุณเพื่อให้เกิดผลอย่างแท้จริง และจะต้องมีความสม่ำเสมอ หากคุณต้องการดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับความยั่งยืน แต่คุณแค่ทำโครงการด้านความยั่งยืนระยะสั้นเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ แม้เป็นสิ่งที่ดีแต่ก็จะแผ่วลงในระหว่างทาง เราพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างวัฒนธรรมของการถามคำถามด้านความยั่งยืน และหลักปฏิบัติด้านความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในกระบวนการคิดของครูและนักเรียน เราทำให้แน่ใจว่ามีการตั้งคำถามเหล่านี้เป็นประจำ เพื่อที่เราจะให้ความรู้แก่ผู้คนในการตั้งคำถามด้านสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ
James: และเมื่อครูทุกคนเริ่มเล็งเห็นสิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน ก็ยากที่จะมองข้ามประเด็นนี้ไปได้ หากมีครูคนใหม่ที่เข้ามาที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้โดยไม่มีไอเดียเลยว่าจะสอนเกี่ยวกับความยั่งยืนอย่างไร ครูคนนั้นที่ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่มีแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืน ก็จะหาวิธีในการปรับตัวให้เข้ากับแนวคิดนั้นได้ในที่สุด เพราะสำหรับที่นี่ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทุกวัน
Robin: อย่างที่ James กล่าวว่า เมื่อคุณเข้ามาแล้ว คุณจะเห็นวิธีต่างๆ ที่ผู้คนต้องการทำเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และสิ่งนั้นจะก่อให้เกิดคลื่นของผลกระทบภายในโรงเรียนไปจนถึงนอกรั้วโรงเรียน จากการสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน
หนึ่งในสิ่งที่ผมคอยเน้นย้ำผู้คนอยู่เสมอเกี่ยวกับ Greenside ก็คือ เราใช้เวลามาเจ็ดปีแล้วบนเส้นทางนี้ ดังนั้น เมื่อผู้คนเห็นว่าเรามีสวนในโรงเรียน พ็อดคาสท์ของนักเรียน และการผลิตอาหารแบบไร้ขยะในครัวของเราพร้อมร้านขนมอบขนาดเล็ก ผู้คนก็ถามว่า "ฉันจะไปถึงขั้นนั้นได้อย่างไร" แต่องค์ประกอบเล็กๆ แต่ละอย่างเหล่านั้นเกิดมาจากการมีส่วนร่วมของแต่ละคน จนกระทั่งเจ็ดปีให้หลัง เราถึงได้มีโครงการริเริ่มเหล่านี้ทั้งหมด
ดังนั้น ก่อนอื่น จุดเริ่มต้นจะต้องเกิดจากการที่ทำให้ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้เสียก่อน แล้วจากนั้นก็ให้นึกถึงนักเรียน ชุมชน สถานที่ และทรัพยากรทางเทคโนโลยีที่คุณมี หรือสามารถนำไปปรับใช้เพื่อสนับสนุนทุกๆ สิ่ง สำหรับเรา เรายึดโยงความยั่งยืนกับความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเนื่องจากทุกคนสามารถนำประโยชน์ที่ได้กลับไปใช้ที่บ้านได้ไม่มากก็น้อย นี่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเราที่ Greenside นั่นก็คือการสร้างโครงการการเรียนรู้แบบองค์รวมด้วยการเรียนรู้เชิงทดลอง และขับเคลื่อนผ่านเทคโนโลยี อาหาร ธรรมชาติ และความยั่งยืน องค์ประกอบเหล่านี้ทั้งหมดช่วยให้นักเรียนตระหนักได้ว่า ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ตนสร้างในแต่ละวันนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้คุณจะคิดว่านี่เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่คุณก็กำลังสร้างความแตกต่างอยู่